วันจันทร์ - วันอาทิตย์ 09:00 – 18:00 ysdathailand@ysda.org

BECOMING 'พี่แพร ชลลดา'

แนะนำตัว

นางสาวชลลดา อักษรกูล อาศัยอยู่ที่อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย นครศรีธรรมราช โดยเป็นโรงเรียนประจำ มีหอพักภายใน และมีสายการเรียนเดียวคือวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นหลัก

รู้จักกับสมาคมได้อย่างไรและจริงจังกับสมาคมตั้งแต่เมื่อไร

            เนื่องจากพื้นฐานของโรงเรียนที่อาศัยอยู่เป็นโรงเรียนประจำ ทำให้นักเรียนในโรงเรียนสนิทกันมาก ประกอบกับมีหลักสูตรวิชาโครงงาน ดังนั้นนักเรียนในโรงเรียนนี้มักจะค้นคว้าหากิจกรรมการแข่งขันเพื่อประสบการณ์ และรางวัลในการเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งแพรเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งเว็บที่กลุ่มพวกเรามักจะเข้าดูมากที่สุดก็คือ Camp Hub และได้เจอกับกิจกรรม Empower Youth สิ่งเหล่านี้ก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้แพรรู้จักกับ YSDA ในวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ.2564 กิจกรรม Empower Youth เป็นกิจกรรมจิตอาสาออนไลน์ และเราเองก็ต้องการที่จะเก็บ Portfolio เมื่อเข้ามาในซูมแล้วแล้วก็เจอพี่จีจี้กับพี่ปล์ามที่เป็น Speaker ณ ตอนแรกเราก็ไม่ได้ตั้งใจฟังในงานขนาดนั้น มีกิจกรรมที่ต้องทำในตอนนั้นค่อนข้างที่จะเยอะ แต่ด้วยความที่ประทับใจในพี่ ๆ ที่มาพูดในงานเลยทำให้ตัดสินใจสมัครเข้ามาเป็นสมาชิก YSDA ในฐานะของผู้สร้างงาน ตอนนั้นมีค่าสมัครสมาชิก 100 บาท เราไม่ทราบด้วยซ้ำว่าค่าสมัครนี้พี่ ๆ จะเอาเงินไปทำอะไร เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจฟังในงานเลย แต่ตอนนั้นแพรเองก็คิดแค่ว่าถ้าไม่สมัครเราจะมาเสียดายทีหลังมั้ยนะ กลัวว่าถ้าไม่สมัครจะเป็นเราเองที่เสียใจ เลยตัดสินใจที่จะสมัครทันทีหลังจากจบกิจกรรม Empower Youth

หลังจากเข้ามาใน YSDA มีการเทรนค่อนข้างที่จะเยอะ และหนึ่งในกิจกรรมการเทรนทำให้เราจริงจังกับสมาคมก็คือ กิจกรรม 30 Days Challenge เพราะเราสามารถพัฒนาตัวเองได้ในแบบของเรากิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ทำให้แพรได้ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ กล้าตัดสินใจ กล้าที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ กล้าที่จะตั้งคำถาม กล้าที่จะเป็นตัวเองมากยิ่งขึ้น ทำให้เราสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น และมองได้กว้างมากยิ่งขึ้น รวม ๆ แล้วคือเราสามารถชอบตัวเองได้มากที่สุด และสิ่งที่สำคัญที่สุดของการจริงจังกับสมาคมคือ เรามองเห็นภาพว่าสิ่งที่สมาคมกำลังพยายามทำเพื่อที่จะทำให้ประสบความสำเร็จมันสามารถเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่เป็นแค่การขายฝันให้กับเยาวชนอย่างพวกเราที่กำลังเติบโต โดยที่พวกเราได้ทำโครงการเอง ได้พัฒนาตัวเองจากหลาย ๆ กิจกรรมที่สมาคมได้จัดขึ้นมา และเรายังเห็นภาพว่าสมาคมเป็นความหวังที่จะพัฒนาชุมชนทั่วทั้งประเทศให้ประสบความสำเร็จได้จริง

ถึงแม้ว่า 30 Days Challenge จะทำให้เราตัดสินใจจริงจังกับ YSDA แต่คำว่า การตัดสินใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน ดังนั้นในทุก ๆ วันเราจึงต้องตัดสินใจบ่อย ๆ แพรได้ตัดสินใจที่จะจริงจังกับ YSDA อีกครั้งเมื่อรู้แผนการทำงานลงพื้นที่ของ YSDA และเห็นภาพว่ามันจะพัฒนา ต่อยอด และประสบความสำเร็จได้อย่างไร รวมทั้งเราเชื่อมั่นใจตนเองว่าเราสามารถทำมันได้ เรามองเห็นในโอกาสที่พี่แม็กให้ มองเห็นโอกาสในการเปลี่ยนชีวิต ที่สำคัญ เราจะสำเร็จได้ ต้องช่วยให้คนอื่นสำเร็จ ต้องช่วยให้ชุมชนประสบความสำเร็จ แพรว่าสิ่งนี้คุ้มค่ามาก ๆ เพราะเราเหนื่อยแค่เพียงครั้งเดียว แต่เราได้ผลตอบแทนที่มากกว่า และมีคุณค่าต่อตัวเองอีกด้วย

ตอนเรียนคอร์สพื้นฐานของ YSDA ประทับใจอะไรบ้าง เรียนรู้อะไรบ้าง พี่ ๆ สอนเป็นยังไง

            ประทับใจในทุก ๆ เทปที่ได้เรียนเลย ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเรียนคืออะไร เนื้อหาเป็นยังไง ยังงง ๆ อยู่ว่ากำลังเรียนอะไร แต่สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจดูคลิปคือ Orientation ก่อนที่จะ assign ให้ไปดูเทป ตอนนั้นเหมือนเป็นการเปิดโลกของเราที่ทำให้เราเปิดใจที่จะเรียนรู้ ความรู้สึกแรก ณ ตอนนั้นเลยคือ พี่แม็กที่เป็นคนจัด Orientation มามีทัศนคติที่ดีมาก มีความเป็นจริงแล้วมันก็สามารถพิสูจน์ได้ สามารถทำให้เราคิดตามได้ เพราะตอนนั้นเราก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่มีเหตุผลเลย แต่อยากเป็นคนที่มีเหตุผล และตอนนั้นก็รู้สึกว่าการที่เราจะมีเหตุผลได้ คือต้องเป็นแบบ born to be ส่วนตัวแพรเองเคยคิดว่า ครอบครัวหรือสิ่งแวดล้อมไม่ได้ตีกรอบความคิดเราขนาดนั้น เป็นเราเองที่ไม่ค่อยมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ที่พี่ ๆ พูดในงานคือมันทำให้เรารู้สึกว่าจริง ๆ แล้วสิ่งที่เราคิดคือการตีกรอบความคิดตัวเองตัวเองเหมือนกัน หลังจาก Orientation จบก็ได้ไปดูคอร์สพื้นฐาน ซึ่งเป็นการเรียนคลิปที่สนุกมาก ที่ไม่เคยมีในห้องเรียน เป็นการนำแนวคิดแต่ละแนวคิดมาพูดในหลาย ๆ มุมมอง ทำให้เราเห็นได้ว่าแต่ละแนวคิดเป็นยังไง ถ้าเราดำเนินชีวิตตามแนวคิดต่าง ๆ ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร และแต่ละแนวคิดส่งผลกระทบอะไรบ้างกับสภาพสังคมในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการเรียนที่เปิดโลกมาก

            สิ่งที่ได้เรียนรู้จากพี่ ๆ คือ แนวคิดที่เราควรนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ว่าถ้าเรามีแนวคิดแบบเดิม ๆ สังคมเราจะเป็นยังไง หรือถ้าเรายังยึดถือในแนวคิดที่ไม่มีเหตุผล มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่สำคัญคือ พี่ ๆ สอนสนุกมากกกกกกกก แม้จะเป็นเทป แต่ก็คือสนุกมาก มีการแนะนำหนังสือสำหรับใครที่สนใจในเรื่องนี้ด้วย เป็นการแสดงว่าสิ่งที่พี่ ๆ พูดไม่ได้คิดโมเมขึ้นมาเองนะ แต่มีเอกสารหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรว่ามันมีอยู่จริง และการเรียนรู้ของเราในสมาคมก็ไม่ได้จบลงเพียงแค่การเรียนเทป สมาคมมีให้เราได้พัฒนาตัวเองโดยการเรียนรู้อยู่ทุกสัปดาห์ มีการเรียนสดที่พี่ ๆ มาสอนเราเองโดยตรง ซึ่งเนื้อหาก็เข้มข้น และลงลึกมาก สอนสนุก ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมกับแต่ละเหตุการณ์ไปด้วย

เล่าเป้าหมายชีวิตตัวเองให้ฟังหน่อย

            สำหรับตัวแพรเอง ถ้าเป็นเมื่อก่อน เป้าหมายชีวิตอาจจะเป็น อยากทำทุกอย่างที่ตัวเองอยากทำก่อนเข้า YSDA เช่น การได้ลองขับเครื่องบิน การทำธุรกิจ การได้เจออะไรที่มีความยาก ๆ และเราก้าวข้ามผ่านไปได้ และเป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือ ทำให้โครงการประสบความสำเร็จ เพราะไม่ใช่แค่เป็นความสำเร็จของเรา แต่เป็นความสำเร็จของประเทศไปด้วย และในปัจจุบันที่เรามองเห็นโอกาสอะไรมากมาย แพรอยากให้ทุกพื้นที่ประสบความสำเร็จ เราจะสำเร็จไม่ได้เลยหากปราศจากชุมชนและโครงการต่าง ๆ ที่จะลงไปทำกับคนในชุมชน อยากใช้ชีวิตร่วมกับพี่ ๆ ทุกคน การไปสัมมนาทำให้แพรรู้สึกว่าตัวเองเจอ The Best ของการใช้ชีวิต มันคือสังคมที่ดีมาก ๆ ทุกคนไม่มีคำพูดลบ ๆ ใส่กัน มีแต่พูดเพื่ออยากให้เราพัฒนา เป็นสังคมที่ใจดี ช่วยเหลือกัน มันคือพื้นฐานของการใช้ชีวิตที่ดีมาก ๆ และเราไม่เคยเจอสังคมที่ไหนเป็รเหมือน YSDA มาก่อน แม้ว่าสังคมนั้นจะมีการทำงานแบบ Empower กัน แต่ก็ไม่ใช่แบบมนุษยนิยมใหม่ ดังนั้นมันย่อมมีความไม่เป็นเหตุเป็นผลแฝงไว้เสมอในบางเรื่อง เลยทำให้แพรตัดสินใจแน่วแน่ว่า แพรอยากไปอยู่น่าน อยากอยู่ในสังคมดี ๆ และก็อยากให้เพื่อน ครอบครัวมาอยู่สังคมแบบนี้ด้วยเหมือนกัน แต่แพรก็ไม่ได้ละทิ้งความฝันเดิมที่อยากขับเครื่องบิน แพรอยากเรียนรู้การขับเครื่องบิน และหวังว่าวันนึงจะได้ทำงานในด้านนี้ด้วยเหมือนกัน รวมทั้งการฝึกเล่นวงดนตรี เช่น กีต้าร์ เบส หรือกลอง

เล่าความประทับใจที่อยู่ใน YSDA

            YSDA เป็นเหมือนครอบครัวทั้งในด้านการทำงาน และการใช้ชีวิต คำนี้ไม่เกินบรรยายเลยจริง ๆ บรรยากาศในการทำงานไม่มีความเครียดหรือกดดัน หรือถ้าจะมีจริง ๆ มันก็เพื่อให้ตัวเราพัฒนา และกระตุกเราว่า เราช้าแล้วนะ เราสามารถพูดคุยกับความท้าทายที่เกิดขึ้นกันได้ตลอด และโครงการที่เกิดขึ้นของ YSDA จะเป็นความหวังของทุกคนในประเทศ แพรประทับใจทุกอย่างใน YSDA เลย แม้ว่าเพิ่งจะได้ใกล้ชิดกับพี่ ๆ มาก ๆ เป็นครั้งแรก แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ประทับใจมาก ๆ แพรอยากเรียนรู้ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ ๆ พี่ ๆ ทุกคน อยากรู้ว่าในการเคลียร์อะไรหนึ่งอย่างเราควรที่จะทำยังไง อีกทั้งยังได้มีประสบการณ์ในการคุยกับหน่วยงานทางราชการด้วย จริง ๆ แล้วแพรได้ลงพื้นที่คุยกับโรงเรียนเป็นที่แรก ตอนนั้นเป็นพี่เซ้นที่พาไปลงพื้นที่ ตอนนั้นตื่นเต้นมาก คุณครูพาเดินรอบโรงเรียนเลย และมีการสะกิดถามด้วยว่าเราคือองค์กรอะไร มาจากไหน เราเป็นนักศึกษารึปล่าว ตอนนั้นก็ได้แต่เลี่ยง ๆ ตอบไปเพราะยังอยู่ม.6 แถมตอนไปถึงโรงเรียนจัดเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ไว้ให้และเหมือนเป็นการประชุมเพื่อพูดคุยก่อนพาเดินรอบโรงเรียน ตอนนั้นก็ลนมาก ต้องทำยังไงดี แต่ก็มีพี่มิกกี้ที่รับหน้าที่แทนพี่เซ้นก่อนระยะนึง

            ส่วนครั้งอื่น ๆ อาจจะเล่าเป็นรวม ๆ ในการลงพื้นที่ จริง ๆ แล้วหลาย ๆ โรงเรียนก็มีความท้าทายที่แตกต่างกัน โรงเรียนในเมืองกับชนบทก็ต่างกัน ดังนั้นเราควรศึกษาพื้นฐานมาก่อนให้ดีก่อนลงพื้นที่โรงเรียน เหมือนรงเรียนที่แพรเคยไปลงพื้นที่คนเดียวคือ โรงเรียนเทศบาลวัดท้าวโคตร ตอนแรกแพรเข้าใจว่า โรงเรียนนี้ค่อนข้างที่จะเล็กจนมีนักเรียนน้อย อาจจะเข้าไม่ถึงสวัสดิการ แต่เมื่อไปลงพื้นที่จริงแล้ว ปรากฏว่า โรงเรียนนี้มีความพร้อมในหลากหลายเรื่อง เช่น เทคโนโลยี ห้องเรียน การพาเด็กไปต่างประเทศ ทางโรงเรียนค่อนข้างจะมีความพร้อมในระดับนึงเนื่องจากได้งบสนับสนุนมาจากเทศบาล ซึ่งก็จะต่างจากโรงเรียนรัฐบาลธรรมดาทั่วไป แต่จากการที่สำรวจ พบว่า กับข้าวของทางโรงเรียนมีค่อนข้างน้อย เด็ก ๆ ได้ทานพักหรือหมูกันคนละนิด ดังนั้นในอนาคต โรงเรียนนี้ อาจจะเป็นโรงเรียนอีกหนึ่งโรงเรียนที่เราจะมาทำโครงการ โภชนาการ

 

แชร์:

บทความยอดนิยม

ติดตามเราได้ที่

แท็กที่เกี่ยวข้อง